ตลาดทองคำกลับมาเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้ง โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อวันที่ 30 มกราคม ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องมาจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น และการคาดเดาเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐ
เพราะเหตุใดราคาทองคำจึงพุ่งสูงขึ้น?
ปัจจัยหลายประการมีส่วนทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นครั้งล่าสุด:
🔹 ความผันผวนของตลาดและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นักลงทุนทั่วโลกหันมาใช้ทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยมีข้อกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้นและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมเพื่อความมั่นคง
🔹 การเก็งกำไรของธนาคารกลางสหรัฐและอัตราดอกเบี้ย
ความคาดหวังเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐในเรื่องอัตราดอกเบี้ยกำลังส่งผลต่อความรู้สึกของนักลงทุน อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ราคาทองคำสูงขึ้น เนื่องจากทำให้สินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน เช่น ทองคำ น่าดึงดูดใจมากขึ้น
🔹 การซื้อของธนาคารกลางและความต้องการที่แข็งแกร่ง
ธนาคารกลางของตลาดเกิดใหม่ยังคงเพิ่มปริมาณสำรองทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นอีก แนวโน้มระยะยาวยังคงเป็นไปในทางบวก โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจพุ่งไปถึง 2,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2562
บทสรุป
ราคาทองคำพุ่งแตะระดับ 2,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก นักลงทุนกำลังจับตามองตลาดอย่างใกล้ชิดถึงการเคลื่อนไหวในอนาคต โดยกังวลเรื่องเงินเฟ้อ การซื้อของธนาคารกลาง และการคาดเดาเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สำหรับผู้ค้า สิ่งนี้นำมาซึ่งทั้งโอกาสและความเสี่ยง ในขณะที่ทองคำยังคงเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่แข็งแกร่งต่อความผันผวน แต่ความผันผวนของราคาจำเป็นต้องมีการวางแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่ DB Investing เรามอบข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญและโซลูชันการซื้อขายที่สร้างสรรค์เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจทางการเงินอย่างรอบรู้
ติดตามแนวโน้มตลาดอย่างใกล้ชิด — ติดตาม DB Investing เพื่อรับข้อมูลอัปเดตทางการเงินล่าสุด!